วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เปิดผลชันสูตรศพ"สุไลมาน" ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย

โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรารายงานข่าวเมื่อ 2 มิ.ย.53 กรณีการเสียชีวิตของ นายสุไลมาน แนซา อายุ 25 ปี ระหว่างถูกคุมตัวโดยทหาร คาศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา กำลังเป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างยิ่งในพื้นที่ ล่าสุดผลการชันสูตรศพโดยคณะแพทย์ได้สรุปออกมาแล้ว ปรากฏว่าไม่พบร่องรอย "คอหัก" หรือ "ถูกทำร้าย" ตามที่สงสัยกันในเบื้องต้น อย่างไรก็ดี ยังต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันซ้ำอีกครั้ง
ผลการชันสูตรศพ นายสุไลมาน โดยแพทย์จากโรงพยาบาลหนองจิก จ.ปัตตานี ระบุรายละเอียดดังนี้ เยื่อบุตาไม่มีเส้นเลือดในดวงตา สภาพศพ ลิ้นจุกปาก ไม่พบร่องรอยคล้ำตามตัว มีบาดแผลถลอกและมีเลือดออกบริเวณขอบกางเกงกับลูกอัณฑะ มีมดไต่ตามตัว พบการแข็งตัวของกล้ามเนื้อ บริเวณมือกับขามีจ้ำแดงของการแตกตัวของเม็ดเลือด ด้านหลังตามผิวหนังมีรอยกดจากเหล็กดัดหน้าต่างจุดที่ใช้ผูกคอ ที่ลำคอมีรอยเป็นจ้ำเลือดจากความแน่นของเชือกที่ผูก และน้ำหนักตัวตามแรงโน้มถ่วงของโลก
คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 8-12 ชั่วโมง สาเหตุการเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจและเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้
ผลการชันสูตรศพ แพทย์ไม่ได้ระบุว่าคอหักตามที่มีการสันนิษฐานของหลายฝ่ายก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

จนท.นิติเวชแจงเหตุเลือดไหล-ขาติดพื้น
เจ้าหน้าที่ด้านนิติเวชวิทยา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวฯถึงสาเหตุที่มีเลือดออกตามอวัยวะเพศของผู้ตายว่า เวลาคนตาย สารคัดหลั่งมีโอกาสไหลออกมาได้ตามปกติ เพราะเลือดไม่สามารถหมุนเวียนตามร่างกายได้อีกแล้ว สารคัดหลั่งประเภทเลือดและสารอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จะไหลออกมา นอกจากนั้นยังมีการแตกตัวของเส้นเลือด บางคนที่เสียชีวิตแล้วมีเลือดออกจมูก ก็เป็นเพราะเส้นเลือดแตกตัว
เจ้าหน้าที่รายนี้บอกด้วยว่า นอกจากผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดจากแพทย์แล้ว ยังมีผลพิสูจน์สารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ เพื่อหาร่องรอยของบุคคลอื่นที่อาจเข้าไปในห้อง หรือเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตด้วย โดยได้ตรวจดีเอ็นเอบนผ้าเช็ดตัวและสิ่งของต่างๆ ภายในห้องของผู้ตาย คาดว่าอีกราว 2 สัปดาห์จะได้ผลเรียบร้อย
"ส่วนที่สงสัยกันว่าขาของผู้ตายติดพื้น จะผูกคอตายได้อย่างไรนั้น จริงๆ แล้วแม้แต่ท่านั่งก็ยังพูดคอตายได้ ขอให้สังเกตสภาพศพของผู้ตายช่วงที่ยังไม่ได้เคลื่อนย้าย จะพบว่าขาไขว้กัน และมีการเกร็งของมือ แสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นการผูกคอตัวเอง เพราะมีการเกร็งของมือและไขว้ขวาก่อนเสียชีวิต ต่างจากการทำร้ายจนตายแล้วนำศพมาจัดฉาก เพราะมือกับขาจะไม่มีทางจัดให้เป็นลักษณะนี้ได้" เจ้าหน้าที่นิติเวช ระบุ


เปิดบันทึกเยี่ยมรายวันส่วนใหญ่เป็นญาติ
ทีมข่าวฯยังได้เดินทางไปที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อขอตรวจสอบบันทึกการเยี่ยมของนายสุไลมานด้วย ว่ามีบุคคลแปลกปลอมที่ไม่ใช่ญาติเข้าเยี่ยมบ้างหรือไม่
ผลปรากฏว่าวันที่มีคนมาเยี่ยมนายสุไลมานมากที่สุด คือวันที่ 23 พ.ค. ซึ่งเป็นช่วง 1 วันหลังจากถูกจับกุม โดยส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้อง จากนั้นพ่อกับแม่ของนายสุไลมานเดินทางเข้าเยี่ยมทุกวัน โดยวันที่ 27 พ.ค.ช่วงเช้า พ่อกับแม่ไปเยี่ยมตามปกติ แต่ไม่ได้เข้าเยี่ยม เพราะเจ้าหน้าที่พาออกไปค้นหาหลักฐานตามผลการซักถาม
วันที่ 28 พ.ค.ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่พาออกไปค้นหาอาวุธปืนและบุคคลที่นายสุไลมานซัดทอดว่าอยู่กลุ่มเดียวกับเขา โดยการลงพื้นที่ตรวจค้นครั้งนี้ กลับไปที่บ้านที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ด้วย และนายสุไลมานยังไปเจอแม่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นญาติกันหรือไม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พากลับศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ แล้วในช่วงบ่ายพ่อกับน้องสาวก็เดินทางเข้าเยี่ยม และเป็นวันที่นำผ้าขนหนูกับลูกประกคำมามอบให้ ส่วนวันที่ 29 พ.ค.ช่วงบ่าย น้องสาวกับน้าสาวเดินทางมาเยี่ยม
เจ้าหน้าที่ทหารที่ร่วมคุมตัวนายสุไลมานเดินทางไปค้นหาอาวุธปืนที่ อ.สายบุรี เล่าว่า วันที่เข้าไปค้น นายสุไลมานยังบอกให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่อย่างระมัดระวัง เพราะฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงอาจฝังระเบิดเอาไว้ก็ได้ แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของนายสุไลมาน ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่จะทำร้าย ส่วนวันที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้พ่อกับแม่พบนายสุไลมาน ก็คือวันที่พาลงพื้นที่ไปค้นหาหลักฐาน เพราะมีระเบียบว่าจะไม่บอกญาติ เนื่องจากเป็นปฏิบัติการในทางลับ

เพื่อนข้างห้อง : ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติ
จากที่ได้โอกาสเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกรอบ ทำให้ทีมข่าวฯได้พูดคุยกับผู้ถูกควบคุมตัวอีก 2 ราย และได้สอบถามถึงการเสียชีวิตของนายสุไลมาน
นายดิง (ชื่อสมมติ และสงวนนามสกุล) ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ เล่าว่า รู้จักกับนายสุไลมานมานาน และเคยเข้าร่วมซุมเปาะ (สาบาน) พร้อมกับนายสุไลมานด้วย
“ผมกับเขาเข้าซุมเปาะเพื่อร่วมขบวนการพร้อมกัน และรู้จักกันในขบวนการ โดยมีนายปะดอ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ชักชวน และทุกครั้งที่มีการเรียกตัว สุไลมานจะเป็นคนมาตามผม เราเข้าขบวนการมาแล้วประมาณ 1 ปี”
"สุไลมานเข้ากับเพื่อนๆ ทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่ค่อนข้างจะพูดน้อยและเก็บตัว ผมมาอยู่ที่ศูนย์ฯหลังเขา มาเจอกันในศูนย์ฯ ได้พูดคุยและทักทายกันตามปกติ รู้สึกตกใจมากเมื่อรู้ว่าเขาผูกคอในห้องพัก เพราะช่วงเย็นวันก่อนที่จะพบศพก็ได้เจอกัน และยังยิ้มแย้มทักทายกันตามปกติ สุไลมานไม่ได้แสดงสีหน้าเครียดหรือไม่สบายใจอะไร จึงไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงผูกคอตาย”
ขณะที่ นายรอบี (ชื่อสมมติและสงวนนามสกุล) ผู้ต้องสงสัยอีกรายหนึ่งที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในศูนย์ฯ และพักห้องติดกับนายสุไลมาน เล่าว่า เข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฯก่อนสุไลมาน เมื่อสุไลมานเข้ามาก็สังเกตเห็นว่าวันแรกและวันที่สองไม่ค่อยพูดคุยกับใครเลย แต่พอเข้าวันที่สาม เขาก็เริ่มพูดคุยและออกมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ คนอื่น ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่เป็นคนที่พูดน้อยเท่านั้น
“ในช่วงเย็นก่อนวันที่เขาจะเสียชีวิต เขาก็ยังมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ อยู่เลย พอตกกลางคืนประมาณ 3 ทุ่ม ผมเข้าห้องพักก่อน และได้ยินเสียงสุไลมานเข้าห้องพักประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากนั้นได้ยินเสียงเปิดน้ำ เข้าใจว่าเขาคงจะอาบน้ำตามปกติทุกวัน เลยไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งนอนหลับไป”
“ผมตื่นประมาณตี 5 เพื่อละหมาด จนกระทั่งประมาณเกือบ 6 โมงเช้า เพื่อนภายในศูนย์ฯมาเรียกเพราะเขาเอาอาหารเช้ามาแจก ผมได้ยินเสียงคนที่นำอาหารเช้ามาแจกเรียกสุไลมานอยู่นาน และได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าไป ไม่นานก็วิ่งมาเรียกผมเข้าไปในห้องของสุไลมาน ก็พบว่าสุไลมานผูกคอตายอยู่กับหน้าต่างภายในห้องพัก จึงรีบวิ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯทันที”
“ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะเมื่อวานยังเจอเขาอยู่เลย ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะผูกคอตาย”
นายรอบี กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าสุไลมานคงผูกคอตายเอง ไม่ได้มีใครเข้ามาทำร้าย
“หากมีใครเข้าไปทำร้ายเขา ผมและเพื่อนๆ ที่อยู่ห้องติดๆ กันคงได้ยินเสียงร้องบ้าง เพราะผนังห้องและหน้าต่างเราติดกัน บางวันที่เขาอ่านอัลกุรอาน ผมยังได้ยินเลย หรือหากว่าจะมีใครเข้ามาทำร้าย ก็ต้องเดินผ่านหน้าห้องผมก่อน ผมก็จะต้องได้ยินเสียง แต่คืนนั้นไม่ได้ยินเสียงใครเลย” นายรอบี กล่าว
ทั้งหมดคือข้อมูลความเห็นจากทุกด้านที่สาธารณชนจักเป็นผู้ตัดสินว่าจะเชื่อใคร!

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฉายหนังเรื่อง “Sex & the City2” ในนครรัฐอาบูดาบี



อาบูดาบี – อีกเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่ภาพยนตร์เรื่อง Sex and the City 2 กำหนดจะออกฉาย แต่ยังไม่มีความแน่นอนว่าภาพยนตร์ดังกล่าวจะได้ฉายในนครรัฐอาบูดาบีหรือไม่ ทั้งๆ ที่ในบทภาพยนตร์ระบุว่าเรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองนี้
ความยากลำบากได้เกิดขึ้นตั้งแต่คราวที่กองถ่ายขออนุญาตถ่ายทำในนครรัฐแห่งนี้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ยอมพิจารณาคำขออนุญาตใช้สถานที่ในการถ่ายทำ ทำให้กองถ่ายต้องย้ายไปถ่ายที่มอร็อกโกแทน ในปี 2008 ภาพยนตร์ตอนแรกไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ซึ่งฉากล่อแหลมทางศีลธรรม เช่น ฉากจูบกัน ฉากเปลือย และบทพูดที่หยาบคายถูกเซ็นเซอร์ออกจากหนังที่ฉายตามโรงภาพยตนร์ และโทรทัศน์ บริษัทชูตติ้ง สตารส์ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของวอร์เนอร์ บราเดอร์ กล่าวว่า ทางการเอมิเรตส์ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่หนังเรื่องนี้มีกำหนดเปิดรอบปฐมทัศน์วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ สภาแห่งชาติเพื่อพิจารณาภาพยนตร์ของเอมิเรตส์ ยังปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ที่ผ่านมาวงการภาพยนตร์เปิดเผยว่า อาบูดาบีพยายามจะยกระดับให้เป็นศูนย์รวมด้านสตูดิโอ และบริษัทผลิตภาพยนตร์ แต่ระเบียบประเพณีของประเทศไม่เอื้อในเรื่องนี้ ลัยลา ฮัดสัน ผู้อำนวยการสร้างซึ่งจบการศึกษาด้านตะวันออกใกล้ จากมหาวิทยาลัยเอริโซนา กล่าวว่า การที่เอมิเรตส์ปฏิเสธไม่ยอมให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย เนื่องจากชื่อของภาพยนตร์ที่ทางการเกรงว่า จะทำให้ประเทศเสื่อมเสียจากความเข้าใจผิดว่า เมืองในภาพยนตร์ดังกล่าวจะหมายถึงอาบูดาบี แทนที่จะเป็นนิวยอร์ก อย่างไรก็ตามนิยายเรื่อง Sex and the City ซึ่งเขียนโดย แคนแดนซ์ บุชแนล สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือขายดีทั่วไปในดูไบ

สาวมุสลิมอเมริกา ได้ตำแหน่ง Miss USA 2010




การประกวดนางงามอเมริกาที่จัดขึ้น ณ Planet Hollywood Casino ในลาส เวกัส ได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อคืนวันอาทิตย์ ที่ 16 พฤษภาคม 2553 โดยนางงามมิชิแกน ริมา ฟาคิฮฺ สามารถเอาชนะนางงามจากอีก 50 รัฐของสหรัฐอเมริกา และคว้าตำแหน่งนางงามอเมริกาไปได้พร้อมของรางวัลมากมาย รวมทั้งสิทธิในการที่จะถูกส่งเข้าประกวดนางงามจักรวาลอีกด้วย ริมาเกิดในเลบานอน เมื่อ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2529 มีอายุ 24 ปี ย้ายตามครอบครัวมาอยู่ในเขตควีนส์ กรุงนิวยอร์ค ก่อนจะย้ายอีกครั้งไปอยู่ที่เขตเดียร์บอร์ รัฐมิชิแกน ในปี พ.ศ.2546 นอกจากจะเป็นนางงามอเมริกาคนแรกที่มีเชื้อสายอาหรับแล้ว เธอยังเป็นชาวอเมริกันมุสลิมคนแรกที่ได้ตำแหน่งนางงามอเมริกา และเป็นนางงามรัฐมิชิแกนคนที่ 2 ที่ได้เป็นนางงามอเมริกา หลังจากที่ เคนยา มัวร์ นางงามมิชิแกนประจำปี พ.ศ. 2536 เคยได้เป็นครั้งแรก
รีมา เปิดใจหลังจากได้รับตำแหน่งว่า เธอมั่นใจว่าจะได้ตำแหน่งอย่างแน่นอน ตั้งแต่ตอนที่เธอเห็นสีหน้าของนายโดนัลด์ ทรัมพ์ ซึ่งเป็นเจ้าของรายการประกวดนางงามนี้ ขณะที่ยืนคู่อยู่กับ มอร์แกน เอลิซาเบธ วูลลาร์ด นางงามจากรัฐโอคลาโฮมา เพื่อรอการประกาศว่าใครจะได้รับตำแหน่ง รีมามีความเห็นที่ต้องการบอกกล่าวกับสังคมว่า โครงการประกันสุขภาพของรัฐบาล ควรจะรวมการแจกยาเม็ดคุมกำเนิดฟรีด้วย เธอเปิดเผยอีกว่า ถึงแม้เธอมีบรรพบุรุษเป็นมุสลิม แต่ครอบครัวของเธอก็ฉลองเทศกาลของคริสเตียนด้วย เธอมีความใฝ่ฝันที่จะเข้าประกวดนางงามมาได้พักหนึ่งแล้ว จึงได้ตัดสินใจขายรถเพื่อนำเงินมาส่งตัวเองเข้าประกวดนางงามมิชิแกน หลังจากเรียนจบวิทยาลัยแล้ว รางวัลที่เธอจะได้รับ อาทิ สิทธิในการพักอาศัยในอพาร์ทเม้นต์ในนิวยอร์กฟรี 1 ปี พร้อมค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต, เงินเดือนที่ไม่เปิดเผยจำนวน, ค่าบริการดูแลด้านสุขภาพ, การบริการด้านอาชีพ ด้านความงาม และอื่นๆ อีกมากมาย รองนางงามอเมริกาอันดับที่ 1-4 ได้แก่ นางงามโอคลาโฮมา นางงามเวอร์จิเนีย นางงามโคโลราโด และนางงามจากรัฐเมน