วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาการมองด้านเดียวขององค์การสิทธิมนุษยชน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกแถลงการณ์ระบุว่าคำตัดสินศาลฎีกาของไทย เมื่อวันที่ ส.ค 56 แสดงให้เห็นว่า ทางการไม่สามารถทำให้เกิดความยุติธรรมกับผู้เสียชีวิต 85 ศพที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่อำเภอตากใบได้ 
ความจริงแล้ว ดังที่เหตุการณ์ตากใบ จนท.รัฐมีหน้าที่รักษากฎหมาย แต่สถานการณ์บางอย่าง ในเหตุการณ์ประท้วงที่พวกถูกจับตัว 6 คน ที่ชายฉกรรณ์จำนวนหลายร้อยคนได้ปิดล้อมสถานีตำรวจและทราบมาว่าพวกเขาพยายามระดมพลเพิ่มเป็นพันคนซึ่งกำลังมีอารมณ์โกรธแค้น และไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงของทางการ แต่พยายามใช้วิธีก่อเหตุโดยขว้างปาก้อนหิน สิ่งของและทำลายทรัพย์สินของทางการ ดังนั้น จนท.ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมตัวผู้ชุมนุมจนกระทั่งเกิดการเสียชีวิตก็ด้วยภายใต้ความกดดันของสถานการณ์และเวลาจำกัดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่มี จนท.รัฐคนใดต้องการเห็นประชาชนต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน
ส่วนการเรียกร้องให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินของ แอมเนสตี้ ฯ แสดงถึงการไม่ยอมรับรู้ถึงสถานการณ์จริงในพื้นที่ จชต. ว่าความรุนแรงสาเหตุมาจากกลุ่มโจรใต้หลายกลุ่มที่ก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวัน หากจะมีสาเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ มันก็เป็นเพียงส่วนผิดพลาดเล็กน้อยเท่านั้น แอมเนสตี้กำลังแสร้งเป็นไม่ทราบว่าเหตุใดจึงต้องคงพรก.ฉุกเฉิน นี้ไว้ ก็เพราะว่ามีกลุ่มโจรใต้ต้องการแบ่งแยกดินแดนปัตตานี และสร้างสถานการณ์รุนแรงเข่นฆ่า ผู้บริสุทธิ์และจนท.รัฐ เพื่อกดดันและ ให้ชาวโลกเห็นว่าภาครัฐควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้ เพื่อเป้าหมายให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงเพื่อแยกดินแดนอันเป็นเป้าหมายสูงสุด อีกทั้งยังมีแนวร่วมโจรใต้ที่กระทำการรณรงค์ต่อต้าน พรก.บิดเบือนให้จนท.รัฐเป็นผู้ร้าย แต่มิเคยได้ยินกลุ่มองค์กรใดตำหนิกลุ่มโจรใต้ว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้มีผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่ปี 47 ถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนถึงห้าพันคนแล้ว

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โมเดลความรุนแรงในอียิปต์เป็นบทเรียนของไทย

เห็นภาพข่าวนักเรียนไทยในอียิปต์เดินทางกลับบ้านโดยมีพ่อแม่ญาติพี่น้องไปต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยความเป็นห่วง แล้วรู้สึกตื้นตันใจไปด้วย ลูกหลานใคร ใครก็รักและเป็นห่วง ขณะที่สถานการณ์ที่ประเทศอียิปต์เข้าสู่ภาวะที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต ด้วยเหตุการณ์ประท้วงที่รุนแรงที่สุดเมื่อฝ่ายอดีตปธน.มอร์ซีได้ออกมาชุมนุมจำนวนมากและถูกปราบปรามจากทหารที่ได้ยึดอำนาจของเขาไปก่อนหน้านี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 800 คน
แต่ที่น่าดีใจคือ นักศึกษาไทยที่ไปเรียนที่อียิปต์ปีละ 100 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจาก 3 จชต.  แสดงให้เห็นว่าเยาวชนในพื้นที่นี้เป็นผู้มุ่งมั่นในการศึกษาหาความรู้ แม้จะต้องห่างไกลครอบครัวอันเป็นที่รักก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่แอบหวังในใจก็คือ ความรู้ของนักศึกษาที่ลงทุนไปเรียนไกลถึงต่างแดน จะช่วยกลับมาทำให้พื้นที่ จชต.สงบยิ่งขึ้น และเป็นตัวแทนของผู้ที่ใช้แนวทางสันติวิธีแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ที่มีมายาวนาน
 ยิ่งเยาวชนที่นี่ได้รับการศึกษาที่ดีมากเท่าไหร่ ก็น่าเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ถูกชักจูงอย่างผิดๆ จาก ผู้นำที่นิยมความรุนแรงอย่างสุดโต่งโดยอ้างศาสนาบังหน้า เพื่อการแบ่งแยกดินแดน แต่กระทำรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์  เมื่อพวกเราเห็นความรุนแรงในอียิปต์แล้ว คงทำให้ได้คิดว่า การเข่นฆ่ากันไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใด ย่อมสร้างความเดือดร้อนแตกแยกโดยถ้วนทั่ว ไม่ว่าพื้นที่ในไทยหรือถิ่นฐานใดก็ตาม

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี ผู้รักสันติภาพ

 
การเสียชีวิตของอิหม่ามยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งถูกลอบยิงระหว่างการเดินซื้อของในตลาด จังหวัดปัตตานี เป็นการกระทำที่อุกอาจและท้าทายต่อความสงบสุขของผืนแผ่นดิน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างรุนแรง อิหม่ามยะโก๊บ เคยพูดไว้ว่าตัวเขาเองเป็นคนรักสันติภาพ และชาวมุสลิมที่แท้จริงย่อมต้องรักสันติภาพ ดังนั้น จึงมั่นใจว่าตัวเองไม่มีศัตรู แต่เหตุไม่คาดฝันก็มาเกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด  
 
อิหม่าม ยะโก๊บ หร่ายมณี เป็นบุคคลสำคัญทางศาสนาอิสลามของประเทศไทยคนหนึ่ง และเป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่นในทางศาสนาอิสลาม เช่นเดียวกับการเป็นผู้ที่สนับสนุนสันติสุขในชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ถือเป็น "ผู้นำมุสลิมสายกลาง" ที่ประกาศตัวเป็น "แกนนำ" ในการร่วมขับเคลื่อนสันติภาพ ด้วยการใช้ "หลักศาสนา" เป็นใบเบิกทาง จนได้รับการกล่าวขานให้ เป็น "สุภาพบุรุษมุสลิมสันติภาพ" จากแวดวงสื่อและนักวิชาการในพื้นที่ ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึง ตัวแทนประเทศไทย ในการสร้างความเข้าใจกับสถานการณ์ความไม่สงบ แก่คณะ (OIC) องค์กรมุสลิมโลก องค์กรสันนิบาตโลกมุสลิม (รอบิเฏาะห์) องค์กรมุสลิมประเทศออสเตรเลีย,ตุรกี,สหรัฐอาหรับเอมิเรต,สภาคองเกรซ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ
 
ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ในฐานะที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) บอกว่า การสูญเสียอิหม่ามยะโก๊บเป็นการสูญเสียผู้นำทางความคิด และจิตวิญญาณคนสำคัญ ที่มีเจตนารมณ์ชัดเจนในแนวทางมุสลิมสายกลาง เพื่อสร้างสันติภาพสู่ชายแดนใต้
 
อิหม่าม ยะโก๊บ ถือเป็นผู้นำศาสนาอิสลามแถวหน้า ที่ก้าวเดินร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและทุกภาคส่วนในการร่วมกันแสวงหาหน ทางการสร้างสันติสุข จนเริ่มมี ผู้นำมุสลิมหลายคนเริ่มปรากฏตัวให้ความร่วมมือในการสนับสนุนกระบวนการสร้าง สันติภาพร่วมกับภาครัฐ แต่การสูญเสียครั้งนี้ได้ทำให้ผู้นำศาสนาเสียขวัญและหวาดกลัว จากนี้ ไปอาจจะเห็นปรากฏการณ์ที่ไม่กล้าแสดงออกถึงความร่วมมือกับภาครัฐจากคน พื้นที่ก็เป็นได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะมีผู้นำศาสนาที่ก้าวมายืนทำหน้าที่แทน สุภาพบุรุษมุสลิมสันติภาพคนนี้ได้อีก
 
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าแปลกใจและน่าตื่นตระหนก คือ หน่วยงานสิทธิมนุษยชนและองค์กรสันติภาพต่างๆ ที่เคยแสดงออกต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ กลับทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แกล้งหูหนวกตาบอด ไม่รู้ไม่เห็นการตายของโต๊ะอิหม่ามคนสำคัญผู้นี้ ไม่มีใครเลยที่จะออกมาเรียกร้องให้มีการค้นหาตัวฆาตกรอย่างจริงจัง จนบางครั้งหลายคนอดคิดไม่ได้ว่า หน่วยงานเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร หรือเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับใครกันแน่


โดย  Mansour
 

ไทยไม่ใช่ซีเรียที่เน้นกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ

ไทยไม่ใช่ซีเรียที่เน้นกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ
         สถานการณ์ในซีเรียที่มีแต่ความรุนแรงอย่างไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่อาหรับสปริง ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลลุกขึ้นมาประท้วงแล้ว รัฐได้ใช้กำลังเข้าปราบปราบ จนกลุ่มต่อต้านจับอาวุธขึ้นต่อสู้  มีผู้คนเสียชีวิตไปเกือบแสนคนแล้วในปัจจุบัน 
          อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำประเทศซีเรีย ได้กล่าวเมื่อ 5 ส.ค. 56 ว่า คงไม่มีหนทางจะตกลงกับกลุ่มคนร้ายได้ นอกจากใช้ไม้แข็งกำราบเท่านั้น  คงไม่มีคนสติดีคนใดคิดว่าจะใช้วิธีทางการเมืองจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายได้ การเมืองอาจจะใช้ได้กรณียังเกิดการก่อการร้าย ทันทีที่เกิดขึ้นแล้ววิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการปราบปรามเท่านั้น
          ทั้งสองฝ่ายเป็นมุสลิมชีอะห์กับสุหนี่ ความรุนแรงมาจากฝ่ายต่อต้านร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้ายทำสงครามกับรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลก็ใช้นโยบายกวาดล้าง ทำให้สถานการณ์เลวร้าย วิกฤตที่สุดในหมู่มวลมนุษยชาติ  สิ่งนี้น่าจะเป็นข้อเตือนใจกับพี่น้องมุสลิมได้อย่างดี ว่าการแอบอ้างศาสนาเพื่อใช้ความรุนแรงที่สุดโต่งจะถูกพัฒนาไปอย่างเลวร้าย และยากที่จะยุติ แม้นานาชาติยังไม่สามารถหยุดยั้งแทรกแซงความรุนแรงครั้งนี้ได้มากนัก แม้จะเรียกร้องให้รัฐบาลยุติความรุนแรงแต่ก็ไม่เป็นผล และกลายเป็นการแอบส่งอาวุธเพื่อช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ช่วยกระพือให้ไฟสงครามกลางเมืองนี้โหมหนักขึ้นไปอีก แต่ผู้ที่น่าสงสารที่สุดคือชาวซีเรียที่รักสงบนั่นเอง ที่ตกเป็นเหยื่อของความสุดโต่งของทั้งสองฝ่ายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
          เราโชคดีที่เกิดมาในประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ไม่นิยมความรุนแรง จนท.ของรัฐที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง ไม่มีนโยบายใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเด็ดขาดเช่นซีเรีย เราจึงยังคงไม่เกิดสถานการณ์เช่นซีเรีย เพียงแต่บางกลุ่มใน จชต. ยังคงสร้างสถานการณ์รุนแรงฝ่ายเดียวต่อไปเท่านั้น แม้รัฐจะพยายามใช้แนวทางสันติแล้วก็ตาม
โดย อับดุล

คุณมุสลิมผู้รักสันติภาพ

คุณมุสลิมผู้รักสันติภาพ

  
ขอคารวะอย่างสุดซึ้งแด่มุสลิมน้ำดีท่านนี้ ท่านทำให้คนในศาสนาอื่นมองเห็นอิสลามในโลกนี้ดูยิ่งใหญ่ไม่แพ้ศาสนาใดในโลกนี้  ก่อนที่มุสลิมที่นิยมความรุนแรงจะทำให้อิสลามเป็นศาสนาแห่งการก่อการร้าย แม้ท่านเป็นเพียงหนึ่งเสียง ที่แสดงออกว่าอิสลามคือศาสนาแห่งสันติภาพ โดยแสดงออกมาอย่างผู้ที่มีความรู้และเชื่อมั่นต่ออัลลอฮ  แต่ขอท่านจงเชื่อมั่นเถิดว่ามุสลิมน้ำดีอีกมากจะอยู่เคียงข้างท่านเช่นกัน


จอมมารบู
มือใหม่

เข้าร่วมเมื่อ: 26/09/2005
ตอบ: 5

ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งการแก้แค้นตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงต้องใช้เลือดล้างเลือด

ในโอวาทของนบีที่ฮัจญ์อำลาก็มีบอกไว้ไม่ใช่หรือว่าการแก้แค้นแบบยุคสมัยป่าเถื่อนงมงายที่มีมาก่อนอิสลามไม่ใช่สิ่งถูกต้อง

เรากำลังทำอะไรกันอยู่ กฏหมายที่ให้ประหารฆาตกรก็ต้องผ่านการตัดสินจากตุลาการก่อนถึงประหารได้ไม่ใช่หรือไง

ในการสงคราม เด็ก คนชรา ผู้หญิง นักบวช แม้แต่ทหารข้าศึกที่วางอาวุธเราก็ห้ามฆ่านี่แล้วอยู่ๆเราจะไปไล่ฆ่าคนอเมริกัน หรือคนชีอะห์ที่ไม่ได้อยู่ในสงครามได้ยังไง

พวกชีอะห์ประณาม ศอฮาบะห์ไม่ทราบว่าเค้าประณามให้คุณได้ยินหรือเปล่า คุณไปผ่าหัวใจเขาดูหรือไงถึงรู้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรเชื่ออะไร ขนาดพวกมุนาฟิกีนใน มะดีนะห์ก็ไม่เห็นจะมีใครไปตัดสินประหารเขา

ผมเคยอ่านฮะดีษเจอนะครับว่าครั้งนึงซอฮาบะห์ได้ลงมือฆ่าข้าศึกคนนึงทั้งๆที่ข้าศึกคนนั้นประกาศรับอิสลามแล้วด้วยเหตุผลที่ว่า เขารับอิสลามเพราะกลัว นบีก็ตำหนิซอฮาบะห์ท่านนี้ด้วย(ถ้าผิดพลาดตรงไหนรบกวนพี่น้องแก้ไขให้ด้วย)มันหมายความว่าไง

นี่หมายความว่าถ้าเค้าไม่ได้ทำผิดให้คุณเห็น ไม่ได้ผ่านการตัดสินด้วยกฏหมายคุณไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายเขาถึงแม้ในใจเขาจะสกปรกโสมมขนาดไหน เพราะคุณไม่ใช่อัลลอฮฺถึงไปล่วงรู้ในจิตใจเขาได้ เรื่องนี้พวกเขาต้องรับผิดชอบกันเอง

ผมขอบังอาจรบกวนให้คุณเช็คตัวเองนะครับว่าที่คุณอยากจะฆ่าพวกอเมริกา อยากจะฆ่าพวกชีอะห์เนี่ยมันมาจากอารมณ์ชั่ววูบหรือมาจากศาสนาสอนกันแน่

ตัวผมเองมั่นใจเลยครับว่าไม่น่าใช่อย่างหลังเพราะอิสลามคือสันติไม่ใช่ศาสนาแห่งการแก้แค้น
ผมไม่ได้ว่าคุณนะครับผมแค่อยากบอกความรู้สึก ผมรู้สึกตกใจเมื่อได้อ่านข้อความของคุณเพราะมุสลิมน่าจะแปลได้ว่าสันติชน ทำไมสันติชนถึงกระหายสงครามรักการฆ่าได้ถึงเพียงนี้

เหล่าซอฮาบะห์ที่ผมรู้จักผมมักได้อ่านอยู่เสมอว่าพวกท่านเหล่านั้น รักที่จะตายเพื่อศาสนา แต่ไม่ใช่รักที่จะฆ่าคนเพื่อศาสนา เมื่อต้องฆ่าก็ฆ่าเฉพาะที่จำเป็นไม่ใช่เพื่อแก้แค้น ท่านเหล่านั้นทำตามแบบอย่างของท่านนบี ทำเพื่ออัลลอฮฺ และนบีของอัลลอฮฺนั้นคือผู้ที่แข็งแกร่งนะครับไม่ใช่แข็งกร้าว เป็นผู้ที่อ่อนโยนไม่ใช่อ่อนแอ

ผมว่าอย่าทำให้คนเข้าใจพวกเราผิดเลย ทุกสิ่งควรได้รับความคุ้มครองและความปลอดภัยเมื่ออยู่ในมือมุสลิม ไม่ใช่ทุกอย่างต้องพินาศเมื่อมุสลิมผ่านไปทางนั้น เราควรตอบแทนความชั่วด้วยความดีสิครับ ควรใช้ความสันติที่สุดเท่าที่ทำได้ สงครามนั้นควรเป็นวิธีหลังสุดเมื่อไม่เหลือทางอื่นแล้ว

อยากฝากไว้น่ะครับ ผมไม่ใช่อาจารย์ทางศาสนา ไม่เคยเรียนศาสนาอาศัยอ่านเอา แต่ผมก็ไม่คิดว่าอิสลามรักการทำสงครามมากกว่าสันติภาพ

  

โดย ไลลา