วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

กลุ่มก่อการร้ายเพิ่มการก่อเหตุร้ายตอบโต้กระบวนการเจรจาสันติภาพ

แม้รัฐบาลจะได้ทำพิธีลงนามความเห็นพ้องทั่วไปเพื่อร่วมกระบวนการเจรจา สันติภาพในพื้นที่ จชต. ณ กรุงกัวลาลัมเปอรเป็นอย่างดี เมื่อวันที่ 28 ก.พ.  ถือเป็นการดำเนินการตามแนวทางสันติวิธีตามที่เคยประกาศไว้มาตลอด แทนการใช้ความรุนแรงตอบโต้กลุ่มก่อการร้ายซึ่งจะทำให้ เกิดการบาดเจ็บล้มตายลงอีกเป็นอันมาก  ตามข้อมูลผู้ลงนามกับรัฐบาลคือนาย ฮัสซัน เป็นบีอาร์เอ็นและอยู่ในระดับสูง เขาเป็นรุ่นแรกๆ ที่ถูกส่งไปศึกษาในต่างประเทศเพื่อกลับมาร่วมก่อการตามแผนปฏิวัติมลายู ปัตตานี ฮัสซัน เป็นประธานปอมิบดีหรือประธานนักศึกษาปัตตานีประจำประเทศอินโดนีเซียคนสำคัญ



         เหตุการณ์วันนี้ยังไม่เปลี่ยน ยังคงมีการก่อเหตุความรุนแรงหรือการก่อกวน ดังเช่นเมื่อ 2 มี.คเกิดเหตุระเบิดรถจักรยานยนต์ริมสันเขื่อนสวนศรีเมือง ของยะลา ทหารพรานเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 7 คน ส่วนประชาชนได้รับบาดเจ็บ 5 คน และ เมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค. ในพื้นที่ 7 อำเภอของจังหวัดยะลา ได้แก่ อ.เมืองยะลา, อ.กรงปินัง, อ.กาบัง, อ.ยะหา, อ.บันนังสตา, อ.ธารโต, อ.รามัน ได้เกิดเหตุเผายาง เผาทรัพย์สินทางการรวมทั้งหมด รวม 64 จุด ซึ่งดูเหมือนสถานการณ์จะรุนแรงมากกว่าเดิม ก่อนจะมีกระบวนการเจรจา ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า กลุ่มก่อการร้ายบางกลุ่มไม่ต้องการแนวทางสันติภาพ พวกเขาต้องการความรุนแรง ต้องการให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ทำลายทรัพย์สินของประชาชนเพื่อกดดันรัฐบาลให้ยอมจำนน แล้วสุดท้ายพวกเขาคิดว่าจะได้รัฐปัตตานีคืนด้วยวิธีการรุนแรง 

มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่รัฐไทยซึ่งมีศักยภาพทางทหารพร้อมสรรพ จะยินยอมยกปัตตานีให้ไปเพราะพ่ายแพ้ต่อกลุ่มก่อเหตุ  แต่รัฐไทยพยายามอดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มก่อการร้ายที่ไม่เคยประกาศตัวตน แต่รัฐไทยก็ไม่เคยใช้กำลังที่มีมากกว่าหลายพันหลายหมื่นเท่า เข้าปราบปรามจนพวกกลุ่มก่อการร้ายแตกพ่ายแต่อย่างใด เนื่องจากคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมในการปกครอง แต่เมื่อพวกกลุ่มก่อเหตุพลาดพลั้งปะทะกับ จนท.บ้างจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต พวกเขาก็คิดแค้นกับรัฐไทย เป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังความเกลียดชังอย่างผิดๆ อย่างไม่จบสิ้น

โดย อาบี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น