วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประชาชนใน จชต. ทนไม่ไหว รณรงค์ปฎิเสธความรุนแรงอย่างสงบ

วันนี้เราเริ่มเห็นประชาชนใน จชต. กล้าที่จะแสดงออกว่าพวกเขาปฏิเสธความรุนแรง พวกเขาไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ดังเช่น เมื่อ 9 มี.ค. ประชาชนชาวนราธิวาสกว่า 1,000 คน ร่วมกันรณรงค์ต่อต้านความรุนแรง เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วม มือกับทางการในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเจ้าหน้าที่กองกำลังและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องสังเวยชีวิตไปกับสถานการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีแล้วจำนวนกว่า 5,500 คนและได้รับบาดเจ็บกว่า 8,900 คน

หากประชาชนใน จชต.ลุกขึ้นมาประท้วงผู้ก่อเหตุรุนแรงพร้อมๆ กัน สถานการณ์ความรุนแรงใน จชต.อาจจะเปลี่ยนแปลงไป กลุ่มก่อเหตุที่เคยใช้ความกลัวเป็นสิ่งควบคุมประชาชนเพื่อไม่ให้ร่วมมือกับภาครัฐ ไม่ให้แสดงออกว่าปฏิเสธความรุนแรง ทำให้ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครออกมากล่าวตำหนิผู้ก่อเหตุว่าเป็นจุดชนวนความรุนแรงใน จชต. สร้างสถานการณ์ความไม่สงบรายวัน ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ในทางตรงข้ามกับได้ยินแต่ข่าวการกล่าวหาภาครัฐละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ จากองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทำให้ จนท.ภาครัฐทำงานด้วยความลำบากใจ เพราะต้องคอยระมัดระวังเกินเหตุในการปฏิบัติภารกิจความมั่นคงต่างๆ เพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาจากองค์กรเหล่านี้ ทั้งที่ในความเป็นจริง เราจะเห็นข่าว ผู้ก่อการร้ายเข่นฆ่าประชาชนและลอบทำร้าย จนท. ด้วยการยิง เผา และวางระเบิด บ่อยครั้ง แทบจะทุกวันก็ว่าได้ แต่ไม่เคยได้ยินเสียงตำหนิจากกลุ่มองค์กรเหล่านี้แต่อย่างใด

นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มก่อการร้ายได้ใจ ก่อเหตุไม่หยุดหย่อน เพราะพวกเขารู้ว่าจะไม่มีใครตำหนิติเตียน ก่นด่า การกระทำที่คนดีๆ ในโลกนี้ ไม่ทำกัน นั่นเป็นสาเหตุที่การก่อการร้ายไม่ลดน้อยลงมากนักตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้าวันนี้ ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านกลุ่มก่อเหตุรุนแรงอย่างสันติ บางครั้งเราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี เร็วขึ้นกว่าที่คาดคิดแทนที่จะโยนความรับผิดชอบให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐฝ่ายเดียว แท้ที่จริง การมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะทำให้เกิดความสงบสันติย่อมมีความสำคัญไม่ใช่น้อย

โดย ไลลา
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น