วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

มุสลิมบางกลุ่มใน จชต.ควรดูแบบอย่างมุสลิมในพม่า

เป็น เรื่องน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อเหตุการณ์จลาจลในพม่าเมื่อ 24 มี.ค.56 ที่มีข้อพิพาทระหว่างเจ้าของร้านทองมุสลิมและลูกค้าชาวพุทธจนกระทั่งมี เหตุการณ์ก่อการจลาจลจุดไฟเผาบ้านโรงเรียนและมัสยิดมีชาวพม่าเสียชีวิต ประมาณ 40 คน ไร้ที่อยู่อาศัยอีก ประมาณ 1,000 คน  เนื่องเพราะว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในพม่ามายาวนานเช่นเดียวกับไทย 

            ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุจลาจลมาครั้งหนึ่งแล้วระหว่างมุสลิมโรฮิงญาและชาวพุทธในรัฐยะไข่ จนหลบหนีภัยมาอยู่ในไทยจำนวนมากอย่างน่าเวทนาในชะตากรรมของชาวมุสลิมโรฮิงญา แสดงให้เห็นว่ามุสลิมในพม่าใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ถูกรังเกียจเดียดฉันท์จากชาวพุทธในพม่าอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ เป็นที่น่าแปลกใจว่า ดูเหมือนมุสลิมในพม่าซึ่งถือเป็นประชากรส่วนน้อยค่อนข้างสงบเสงี่ยมเจียมตัว พอสมควร ไม่เรียกร้องสิ่งอื่นใดจากรัฐบาลพม่า ยกเว้นว่าพวกเขาจะถูกกระทำอย่างแย่ที่สุดจากชาวพุทธในพม่าและรัฐบาลพม่า แตกต่างจากมุสลิมบางกลุ่มใน จชต.ของไทย ที่นอกจากพวกเขาจะเรียกร้องสิทธิต่างๆ อย่างมากมายในการดำรงชีวิตแล้ว ซึ่งมากกว่าชาวพุทธซึ่งเป็นพลเรือนส่วนใหญ่ของประเทศเสียอีก แต่ยังก่อเหตุรายวันเพื่อหวังแบ่งแยกดินแดนปัตตานี เสมือนประหนึ่งรัฐไทยรังแกจนเป็นข้ออ้างให้กระทำการต่อสู้กับรัฐไทยมาตลอด หลายปี  โดยไม่เคยสนใจเปรียบเทียบชีวิตความเป็นอยู่ของมุสลิมประเทศรอบบ้าน ว่าพวกเขายังคงโชคร้ายไม่มีสิทธิเสรีภาพในการดำรงชีวิตเช่นเดียวกับมุสลิมใน จชต.ของไทย

 
โดย อับดุล
 
 

ไทยให้สิทธิเสรีภาพในการดำรงชีวิตแก่มุสลิม จชต.อย่างดียิ่ง

ฟังความเห็นของชาวมุสลิมพม่า นายอับดุล รอแม (นามสมมุติ) ที่ได้ทำงานที่ภาคใต้ของไทยและมาเลย์มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี กล่าวถึงปัญหาของชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ กับปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้  เห็นว่าไม่เหมือนกันเลย เพราะชาวมุสลิมโรฮิงญาที่โดนรัฐบาลพม่ากดขี่ทุกอย่าง ไม่ยอมรับเป็นพลเมือง ต้องการขับไล่ออกจากประเทศ แต่ที่ภาคใต้ คนมุสลิมไม่ได้ถูกกดขี่จากรัฐบาลไทย และให้โอกาสคนอิสลามทุกอย่าง เพราะรัฐบาลไทยยอมรับว่าคนชายแดนใต้เป็นคน

         ไม่เคยเห็นว่ารัฐบาลไทยขับไล่คนสามจังหวัดออกจากประเทศ ไม่เคยเห็นว่าความต่างของคนอิสลามในภาคใต้จะทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ ยิ่งทุกวันนี้รัฐบาลกลับเอาใจคนมุสลิมมากขึ้นเสียอีก เพื่อต้องการล้างผิดที่ได้สร้างความไม่เป็นธรรม ซึ่งยังถือว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับสิ่งที่ชาวโรฮิงญาโดนกระทำ"

            ความจริงแล้วกลุ่มคนไม่หวังดีใน จชต.บางกลุ่ม ไม่เคยเหลียวมองชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสในประเทศรอบๆ บ้านเลยหรือว่า  เขามีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญเพียงใดในการดำรงชีวิตในประเทศของพวกเขา ดังเช่น  มุสลิมโรฮิงญา ต้องการเป็นพลเมืองพม่า แต่พม่าไม่ยอมรับ และถูกกดขี่ข่มเหงต่างๆ นาๆ ต่างจากมุสลิมมาลายูบางกลุ่มในจชต.ได้สิทธิเสรีภาพทุกสิ่งทุกอย่างในการเป็น คนไทย แต่ปฏิเสธที่จะเป็นคนไทย และทำการก่อเหตุร้ายรายวันเพื่อขอแบ่งแยกดินแดน ถือเป็นการเนรคุณแผ่นดินที่ให้พวกท่านได้อาศัยอย่างสุขสบายอย่างน่าอดสูใจ ยิ่งนัก

โดย อามีน