วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การกระทำของกลุ่มก่อการร้ายต่อผู้บริสุทธิ์ ผลสุดท้ายแล้วพวกเขาได้อะไรหรือ?



 จากเหตุการณ์รุนแรงใน จชต.ที่ผ่านมาในหลายๆ เหตุการณ์ ถ้าจะไร่เลียงดูแล้วว่ามีสาเหตุมาจากอะไร อันดับแรก เกิดจากการปลูกฝังความเชื่อ จากแกนนำของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนปัตตานีว่า ปัตตานีเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศสยาม และถูกทำทารุณกรรม และไม่ได้รับความยุติธรรมจากการปกครองของสยาม อย่างเช่น บรรพบุรุษชาวมลายูถูกจับไปเป็นทาส มีการเจาะเอ็นร้อยหวายเพื่อให้ไปขุดคลองแสนแสนที่กรุงเทพฯ และใช้ความเชื่อตามหลักศาสนาชักจูงว่า ถ้ามุสลิมเจ็บคนเดียวก็เหมือนเจ็บทั้งหมด นั่นเป็นสาเหตุสำคัญให้มีชาวมุสลิมมลายูที่หลงผิด เข้าร่วมกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเพื่อแก้แค้นต่อชาวสยาม และฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะสามารถยึดปัตตานีจากสยาม
 แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้ ไร้การศึกษา ตกงาน และบางคนก็ติดยาเสพติด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาจึงถูกชักจูงอย่างง่ายดาย และการนำหลักคำสอนในศาสนาอิสลามมาบิดเบือน โดยอ้างหลักการจิฮาด ให้ฆ่าผู้ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นศัตรู เพื่อจะได้ไปพบกับพระเจ้าบนสวรรค์ที่ได้ผล  จากกการกระทำการอย่างโหดเหี้ยม อำมหิต เกินกว่ามนุษย์ปุถุชนทั่วไปจะสามารถกระทำได้ หากไม่ได้รับการปลูกฝังอย่างผิดๆ มาก่อน ซึ่งพวกเขาเน้นสร้างความรุนแรง ต่อทรัพย์สิน และชีวิตผู้บริสุทธิ์ โดยไม่เลือกเป้าหมายว่าจะเป็นพุทธ มุสลิม คนแก่ เด็ก ผู้หญิง และบุคลลากรที่มีคุณค่าทางสังคมอย่างเช่น พระ โต๊ะอิหมาม และ ครู เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไปนั้น  ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการชื่นชมจากพระเจ้า และ จากชาวโลกก็หามีไม่ ในทางกลับกัน มีแต่เสียงสาปแช่ง ก่นด่า ในความโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยรู้จัก หรือเป็นศัตรูกันมาก่อน ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่นอย่างรุนแรง จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือมนุษย์ หรือพวกเขาจะเป็นอมนุษย์หรืออย่างไร จึงสามารถทำลายชีวิตคนอื่นอย่างเลือดเย็นเช่นนี้
แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า  พระเจ้าได้ลงโทษผู้ที่กระทำผิด  เห็นได้จากหลังก่อเหตุแล้ว พวกเขาเหล่านี้ ต้องตกระกำลำบาก คอยหลบหนี ซ่อนตัวเอง เนื่องจากถูกหมายจับนับเป็นสิบๆ หมาย จาก  จนท.ทางการไทย โดยที่พวกเขาไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้นำกลุ่มแต่อย่างใด  นับเป็นบทเรียนที่ผู้ใดคิดจะเข้าร่วมขบวนการต้องจดจำไว้เป็นบทเรียน
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://atcloud.com/stories/25035
โดยอามีน

เราควรมีทัศนคติในด้านบวกเพื่อยอมรับความเป็นจริงของปัญหา จชต.หรือไม่?


มีคนกล่าวว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนนั้นจริงๆ เขาก่อเหตุร้ายไปนั้นแท้ที่จริงเขาคิดดี คือคิดแบ่งแยกดินแดนเพราะเขาคิดว่าทางการไทยไม่ปกครองอย่างเป็นธรรม เขาจึงต้องการแยกตัวไปปกครองกันเอง ถ้าหากเขาคิดเช่นนั้นจริง มันก็ตรงกับวัตถุประสงค์ของทางการไทยที่ต้องการให้พี่น้องคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง ชาวพุทธ หรือ มุสลิม
เพียงแต่ทุกวันนี้สมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอาจยังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของทางการไทยว่า การปกครองคนหมู่มากมันย่อมเกิดอุปสรรคย่อมต้องประสบปัญหา   ไม่มาก ก็น้อย  ทั้งจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มาจากหลายพรรค การเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลบ่อยครั้ง ทำให้นโยบายอาจไม่ต่อเนื่อง  และ ขรก.ในพื้นที่แต่ละแห่งย่อมมีทัศนคติ ความเชื่อ ไม่เหมือนกัน มีผลต่อการทำงานสนองนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น
ดังนั้น หากจะกล่าวว่า พื้นที่ จชต. มักไม่ได้รับการเอาใจใส่เหลียวแลจากภาครัฐ ย่อมเป็นการกล่าวที่ไม่ถูกต้องนัก ด้วยเหตุที่ว่า พื้นที่ จชต. ได้รับการจัดสรรในภารกิจภาคใต้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2547-2556  โดยเฉพาะการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จชต. ที่เป็นภารกิจผูกพัน เช่น การให้ความช่วยเหลือแก่บุตรของผู้ที่ได้รับผล กระทบจนจบปริญญาตรี หรืออายุครบ 25 ปี ทั้งยังต้องจ่ายค่ายังชีพรายเดือนอีกด้วย สิ่งนี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของภาครัฐต่อพี่น้องใน จชต. เป็นอย่างดี
ที่สำคัญเราจะเห็นว่าในพื้นที่ประเทศไทย ไม่ว่าจะภาคใด เหนือ อีสาน หรือใต้ ต่างล้วนแต่ต้องการการพัฒนาจากภาครัฐทั้งสิ้น ภาคอื่นก็ย่อมมีปัญหาแตกต่างกันออกไป โดยเราจะเห็น ความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชนภาคอื่น ซึ่งดูเหมือนจะรุนแรงกว่าเสียด้วยซ้ำไป จากม็อบที่ประท้วงภาครัฐอยู่บ่อยครั้ง หากพวกเขาไม่ได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจ ดังนั้น เป็นที่แน่ชัดว่าเราจะให้ภาครัฐทุ่มเทเอาใจใส่เพียงภาคใดภาคหนึ่งย่อมเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มไม่หวังดีใน จชต. จะนำไปขยายผล เพื่อป่าวประกาศว่าภาครัฐไม่ให้ความเป็นธรรม ก็จะถือว่าภาครัฐเอง ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากทัศนคติที่คับแคบดังกล่าวเช่นกัน
โดย อับดุล

ความทุกข์ที่มีผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสีย เจ็บปวดกว่าความทุกข์ที่เฝ้ารอรัฐปัตตานี.



พี่น้องชาวปาตานีอันเป็นที่รักทุกคน แม้ทุกท่านมีความทุกข์ที่เก็บไว้ในใจ แต่ทุกคนต้องมีความเชื่อมั่นว่า การต่อสู้ของพวกเราเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย  คือการเรียกร้องต่อสู้เพื่อรัฐปาตานีด้วยแนวทางสันติ ไม่ใช้แนวทางความรุนแรงเหมือนอย่างกลุ่มก่อการร้ายใน จชต. ขณะนี้ เพราะนั่นจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนอย่างรุนแรง  และเราจะถูกประณามจากสังคมโลก ว่าเราเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของเรา แต่เราไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการก่อความรุนแรงในรูปแบบ การวางระเบิดสถานที่ต่างๆ การลอบสังหาร โจมตี อยู่อย่างต่อเนื่อง ทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์จนไม่สามารถจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์
ที่มันแย่ในสายตาของชาวมุสลิม มลายูด้วยกันก็คือ การเข่นฆ่าผู้ที่เพียงมีความคิดเห็นแตกต่างจากเรานั้น เป็นสิ่งที่อัลเลาะห์ไม่อนุญาต เพราะมิฉะนั่นมุสลิมก็คงต้องเป็นศัตรูกับคนเกือบค่อนโลก เพราะโลกเราประกอบด้วยหลายเผ่าพันธุ์ หลายศาสนา แต่ทุกศาสนาจำเป็นต้องอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะเราถูกสร้างให้เป็นมนุษย์เหมือนกัน เพราะเมื่อพระเจ้าสร้างโลก พระเจ้าได้สร้างมนุษย์มาอยู่อาศัยบนโลก เพียงแต่ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างความเชื่อถือศรัทธา เท่านั้น
 แล้วมันเป็นความจำเป็นอันใด ที่เราจะต้องคิดกำจัด ด้วยการเข่นฆ่า พวกเขาเหล่านั้นเสีย เพราะทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะมีชีวิตบนโลกนี้เช่นเดียวกับ เรา ๆ ท่านๆ  และมันจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ถ้าเราจะเปิดใจมุสลิมของเราให้กว้างขึ้น แล้วมองเห็นความดี ความเลว อย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช่อ้างกระทำความดีเพียงเพื่อรัฐปัตตานีเพียงประการเดียว 
 โดย ไลลา


สยามไม่ยอมเสียดินแดนปัตตานี เหตุเพราะมีหลักฐานเป็นคนไทย



กว่า ที่สยามจะมีแผ่นดินที่เป็นปึกแผ่นดังเช่นทุกวันนี้ สยามต้องต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความพระปรีชาสามารถอันแยบยลของบรรพบุรุษที่ พระมหากษัติยาธิราชหลายพระองค์ ได้ปกป้องรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ ทำให้สยามไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศผู้ล่าอาณานิคม เฉกเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา
อย่าง ไรก็ดี สยามจำเป็นต้องยอมตัดใจเสียดินแดนบางส่วน ให้กับเหล่านักล่าอาณานิคมเหล่านั้น เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นเอกราชของสยาม ดังเช่น
 พ.ศ.2410 การเสียดินแดนในเขมรหรือเขมรส่วนนอก
 พ.ศ.2431 การเสียแคว้นสิบสองเจ้าไทย
            พ.ศ.2436 การเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง นับว่าไทยสูญเสียดินแดนครั้งสำคัญและมากที่สุด โดยต้องยอมยกอาณาจักรลาวเกือบทั้งหมดให้กับฝรั่งเศส
            พ.ศ.2449 การเสียดินแดนมณฑลบูรพา ไทยยอมทำสัญญายกมณฑลบูรพา ซึ่งประกอบด้วยเมือง พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ (เขมรส่วนใน) ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนกับจังหวัดตราดและเกาะต่างๆ ที่อยู่ใต้แหลมสิงห์ ลงไปจนถึงเกาะกูดที่ฝรั่งเศสยึดไว้
                        พ.ศ. 2452 การเสียรัฐไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิสให้อังกฤษ. (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศมาเลเซีย)
  แต่ บรรพบุรุษไทยยังคงรักษาดินแดน ปัตตานี นราธิวาส ตากใบ และยะลา จากอังกฤษไว้ได้ โดยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีมหาดไทย ทรงพิสูจน์ตามทางพงศาวดารว่า คนที่อยู่ใน 4 เมืองนี้เป็นไทย รากวัดของไทย เรียกกันว่า "พวกสามสาม" นั้นคือ "สยามอิสลาม"  พูดไทยได้แต่เมื่อไปอยู่ในแดนมลายู จึงเป็นอิสลามไป อังกฤษก็ยอมตามนี้  นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดสยามในปัจจุบัน จึงไม่ยินยอมให้ใครมาแบ่งแยกปัตตานีไปจากสยามอย่างแน่นอน !!
โดย อับดุล


มุสลิมโรฮิงญาถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในพม่า แต่มุสลิมไทยใน จชต.ไล่ฆ่าผู้บริสุทธิ์



เห็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องโรฮิงญาอพยพหนีตายเข้ามาในประเทศไทย เพราะเกิดเหตุการณ์เข่นฆ่า เหมือนล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้ว 50,000 คน ในระยะ 6 เดือน ในขณะที่ตัวเลขจริงอาจมากกว่านั้นจากคำบอกเล่าของชาวโรฮิงยาเอง ส่วนสาเหตุเกิดจากการที่พม่าไม่ยอมรับโรฮิงญาเป็นพลเมืองในพม่า ประกอบกับโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลาม ไม่นับถือศาสนาพุทธเช่นเดียวกับชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ ซึ่งโรฮิงญาได้อาศัยอยู่ด้วย ก่อให้เกิดความรังเกียจเดียดฉันท์ยิ่งนัก
กระทั่ง เกิดเหตุการณ์จลาจล ซึ่งเกิดจากความโกรธแค้นต่อชาวโรฮิงญาที่จุดชนวนดังกล่าว นำไปสุ่การปลุกระดมของชาวยะไข่ เพื่อร่วมกันขับไล่ เผาทำลายและทำร้ายชาวโรฮิงญา และนำทหารเข้าปราบปรามจนพวกเขาเหล่านี้อพยพหนีตายข้ามมายังฝั่งไทย อย่างทุลักทุเล เป็นที่น่าสงสาร กับภาพที่เห็นยิ่งนัก
สิ่ง ที่น่าเห็นใจยิ่งกว่านั้นคือชาวโรฮิงญา ภายใต้การปกครองของพม่าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธนั้น ได้กระทำราวกับว่าชาวโรฮิงญาไม่มีตัวตน ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล กีดกันทางการศึกษา ฐานะของชาวโรฮิงญา ส่วนใหญ่จึงยากจนข้นแค้น ไม่มีสิทธิเสรีใดๆ แม้จะแต่งงานยังต้องขออนุญาตจากทางการพม่า และไม่สามารถเดินทางออกไปนอกประเทศ หรือแม้แต่ในประเทศพม่าได้เลย

ซึ่ง หากเปรียบเทียบกับ จชต.ของเรานั้น พี่น้องส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่รัฐบาลไทย ได้ให้เสรีภาพในทุกๆ ด้านแก่พี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการประกอบกิจกรรมทางศาสนา การส่งเสริมการศึกษา และการพัฒนาพื้นที่ จชต. อย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดาย ที่มีกลุ่มมุสลิมจำนวนหนึ่ง เลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีของรัฐบาลไทย โดยการก่อความไม่สงบขึ้นใน จชต. ไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อต่อต้านอำนาจรัฐ หวังแบ่งแยกดินแดนปัตตานี เป็นไปได้หรือไม่ว่า หากพวกเขาเห็นโชคชะตาของพี่น้องมุสลิมโรฮิงญาในประเทศพม่าแล้วจะหวนมาฉุกคิด ได้ว่า พวกตนนั้นช่างโชคดีเสียนี่กระไร ที่ได้เป็นคนไทย ในแผ่นดินไทย
โดย อามีน


วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วันนี้ความสูญเสียมาเยือนผู้ก่อเหตุร้าย พระเจ้ายังปล่อยให้พวกเขาพ่ายแพ้

กลุ่มโจรอาจจะมีความรู้สึกแค้นอยู่ภายในใจ เมื่อเห็นสมาชิกในกลุ่มถูกสังหารถึง 16 ศพ จากสมาชิก 50 คน ขณะใต้บุกโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ฝ่ายโจรสูญเสียเป็นจำนวนมากเท่าทีเคยเกิดเหตุการณ์ปะทะเช่นนี้มาก่อน ขณะที่ จนท.ไม่ได้รับความสูญเสียแม้แต่คนเดียว

อยู่ดีๆ กลุ่มโจรนำกำลังไปบุกยังฐานที่มั่นของทหารที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือ และเตรียมความพร้อมตลอดเวลานั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงและอุกอาจมาก นั่นแสดงว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะปลิดชีวิตชีวิตของ จนท. พร้อมๆ กันในฐานที่มั่น เพื่อประกาศศักยภาพว่ากลุ่มโจรมีศักยภาพเหนือ จนท.ทางการไทย แต่เมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตร กลุ่มโจรถูกสังหารไปถึง 16 ศพ ทำให้พวกเขาและแนวร่วมน่าเกิดอาการช๊อคกับเหตุการณ์นี้

แทนที่กลุ่มโจรจะฉุกคิดว่า แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะเอาชนะ จนท.ทางการไทยได้เลย เพราะด้วยกำลังที่เหนือกว่า หากแต่พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านที่ลับลอบฝึกอาวุธระยะสั้นเท่านั้น แต่วันนี้พวกเขาก็เริ่มจะสร้างวงจรอุบาทก์เพื่อสร้างความสูญเสียเพิ่มขึ้นโดยไม่จำกัดว่าเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ โดยเห็นได้จาก เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ก็เริ่มมีใบปลิวข่มขู่จะตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐทุกรุปแบบ ดังเช่น "ทารุณจับกุม ข่มขู่ ยัดเยียด ทรมานและวิสามัญผู้บริสุทธิ์ " ประชาชน ครู อาจารย์และชุมชนไทยพุทธ เราจะปลิดชีพและทวงคืนทุกชีวิตที่เราสูญเสียไป" และ "หยดเลือดมุสลิมผู้บริสุทธิ์มีค่ามากกว่าไทยพุทธเป็น 10 เท่า" นี่แสดงถึงจิตใจที่เหี้ยมโหด ไร้ความปราณีหวังตอบโต้ จนท.รัฐแบบเหวี่ยงแห กระทำกับทุกคนโดยไม่ละเว้นประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางต่อสู้
 
 
ดังนั้น ผู้คนอาจจะต้องตั้งคำถามไปที่กลุ่มโจรว่า พวกเขาคิดอย่างไรที่เห็นผู้คนบาดเจ็บล้มตายลงจำนวนมาก และพวกท่านมาแอบอ้างว่าเป็นเลือดมุสลิมที่บริสุทธ์ได้อย่างไร ในเมื่อพวกท่านล้วนแต่ถือปืนแสดงเจตนาจะมุ่งหมายเอาชีวิตผู้อื่นในสถานที่ผู้อื่นเช่นนี้ และเมื่อเกิดความสูญเสียในฝ่ายท่าน ก็เป็นสาเหตุมาจากพวกท่านบุกเข้าไปหาความตายนั้นเอง เพราะ จนท.รัฐก็มีสิทธิป้องกันตัวเองจากภัยที่มาถึงตัวมิใช่หรือ คงไม่มีผู้ใดเห็นใจการกระทำพวกท่านเยี่ยงนี้เป็นแน่แท้ แม้พระเจ้ายังปล่อยให้พวกท่านพ่ายแพ้จากการกระทำที่รุนแรงครั้งนี้
โดย ไลลา