วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มุสลิมโรฮิงญาถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในพม่า แต่มุสลิมไทยใน จชต.ไล่ฆ่าผู้บริสุทธิ์



เห็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องโรฮิงญาอพยพหนีตายเข้ามาในประเทศไทย เพราะเกิดเหตุการณ์เข่นฆ่า เหมือนล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้ว 50,000 คน ในระยะ 6 เดือน ในขณะที่ตัวเลขจริงอาจมากกว่านั้นจากคำบอกเล่าของชาวโรฮิงยาเอง ส่วนสาเหตุเกิดจากการที่พม่าไม่ยอมรับโรฮิงญาเป็นพลเมืองในพม่า ประกอบกับโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลาม ไม่นับถือศาสนาพุทธเช่นเดียวกับชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ ซึ่งโรฮิงญาได้อาศัยอยู่ด้วย ก่อให้เกิดความรังเกียจเดียดฉันท์ยิ่งนัก
กระทั่ง เกิดเหตุการณ์จลาจล ซึ่งเกิดจากความโกรธแค้นต่อชาวโรฮิงญาที่จุดชนวนดังกล่าว นำไปสุ่การปลุกระดมของชาวยะไข่ เพื่อร่วมกันขับไล่ เผาทำลายและทำร้ายชาวโรฮิงญา และนำทหารเข้าปราบปรามจนพวกเขาเหล่านี้อพยพหนีตายข้ามมายังฝั่งไทย อย่างทุลักทุเล เป็นที่น่าสงสาร กับภาพที่เห็นยิ่งนัก
สิ่ง ที่น่าเห็นใจยิ่งกว่านั้นคือชาวโรฮิงญา ภายใต้การปกครองของพม่าที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธนั้น ได้กระทำราวกับว่าชาวโรฮิงญาไม่มีตัวตน ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล กีดกันทางการศึกษา ฐานะของชาวโรฮิงญา ส่วนใหญ่จึงยากจนข้นแค้น ไม่มีสิทธิเสรีใดๆ แม้จะแต่งงานยังต้องขออนุญาตจากทางการพม่า และไม่สามารถเดินทางออกไปนอกประเทศ หรือแม้แต่ในประเทศพม่าได้เลย

ซึ่ง หากเปรียบเทียบกับ จชต.ของเรานั้น พี่น้องส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่รัฐบาลไทย ได้ให้เสรีภาพในทุกๆ ด้านแก่พี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการประกอบกิจกรรมทางศาสนา การส่งเสริมการศึกษา และการพัฒนาพื้นที่ จชต. อย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดาย ที่มีกลุ่มมุสลิมจำนวนหนึ่ง เลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีของรัฐบาลไทย โดยการก่อความไม่สงบขึ้นใน จชต. ไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อต่อต้านอำนาจรัฐ หวังแบ่งแยกดินแดนปัตตานี เป็นไปได้หรือไม่ว่า หากพวกเขาเห็นโชคชะตาของพี่น้องมุสลิมโรฮิงญาในประเทศพม่าแล้วจะหวนมาฉุกคิด ได้ว่า พวกตนนั้นช่างโชคดีเสียนี่กระไร ที่ได้เป็นคนไทย ในแผ่นดินไทย
โดย อามีน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น